จุดเริ่มต้นการเที่ยวอัมพวาโดยรถไฟต้องเริ่มที่ สถานีวงเวียนใหญ่ กทม. อยู่ตรงวงเวียนใหญ่นั่นแหละ รถไฟสายนี้สุดที่สถานีมหาชัย สมุทรสาคร ค่าโดยสารเพียง 10 บาท เท่านั้น รอบแรกตีห้าครึ่ง หลังจากนั้นออกเกือบทุกชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงถึงที่หมาย
สุดสายปลายทางมหาชัย ลงรถแล้วเดินเท้าไปต่อเรือข้ามฝากแม่น้ำท่าจีนไปฝั่งท่าฉลอม แล้วเดินต่ออีกนิดถึง สถานีบ้านแหลม เพื่อขึ้นรถไฟสาย บ้านแหลม-แม่กลอง ขาไปมี 4 รอบต่อวัน 7.30, 10.10, 13.30 และ 16.40 ค่าโดยสารถูกแสนถูกเพียง 10 บาท เหมือนกัน
รถไฟสุดสายที่ สถานีแม่กลอง หรือ ตลาดร่มหุบ อันโด่งดังนั่นแหละ การที่เราอยู่บนรถจะได้เห็นมุมมองของตลาดที่แปลกตาไปอีกแบบ หากใครยังไม่หนำใจจะรอรถขาออกมาอีกรอบเพื่อถ่ายภาพด้านล่างด้วยก็ได้นะ แวะเดินเล่นหาของกินอยู่แถวตลาดก่อน
หนึ่งจุดหมายที่น่าไปคือ วัดเพชรสมุทรวรวิหาร วัดสำคัญประจำเมืองแม่กลอง ภายในเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อบ้านแหลม พระพุทธรูปปางอุ้มบาตรองค์ไม่สูงมาก แต่มีเรื่องราวเรื่องเล่ามากมายและเป็นที่เคารพสักการะของผู้คนลุ่มน้ำแม่กลอง
หลังเสร็จภารกิจที่ตลาดแม่กลองก็ต่อรถสองแถวสู่คลองอัมพวา มีสองแถวจอดรถวิ่งอยู่ตลอดตั้งแต่เช้าจรดหัวค่ำ ใช้เวลาเดินทางเพียงไม่นานรถจะมาจอดส่งที่หน้า วัดอัมพวันเจติยาราม หรือหากใครจองที่พักไว้ท้ายคลองสามารถลงรถที่ โรงเจซำเป้า ได้เลย ขึ้นอยู่กับความสะดวก
เช็คอินเข้าที่พักที่จองไว้ให้เรียบร้อย ขอบอกว่าอัมพวาวันธรรมดาเงียบสงบอย่าบอกใคร บ้านไม้ที่เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยววันที่มีตลาดต่างปิดนิ่งสนิท แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ขาดความเคลื่อนไหว มีเรือพ่อค้าแม่ค้าพายมาขายของเป็นระยะ เด็กนักเรียน ชาวบ้าน ปั่นจักรยานผ่านไปผ่านมาตามทางเดินริมสองฝั่งคลอง เป็นภาพที่ดูแล้วอดอมยิ้มไม่ได้
พักผ่อนหายเหนื่อย พอบ่ายแก่ๆ ก็ได้เวลาเที่ยว ล่องเรือไหว้พระ 5 วัด วันธรรมดาจะมีจุดขึ้นเรือที่ตีนสะพานเลียบนที โปรแกรมวัดต่างๆ อาจสลับกันไปบ้างเล็กน้อย แต่ที่เป็นไฮไลท์คือการไป โบสถ์ปรกโพธิ์ วัดบางกุ้ง พระอุโบสถเก่าแก่ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่ โพธิ์ ไทร ไกร กร่าง แผ่รากเกาะล้อมกำแพงปูนไว้แนบแน่น ในโบสถ์ปรกโพธิ์ มีหลวงพ่อนิลมณีเป็นพระประธาน ชาวบ้านเชื่อถือในความศักดิ์สิทธิ์เป็นอันมาก
พื้นที่ค่ายบางกุ้งเป็นค่ายทหารซึ่งมีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ก่อนปรากฏประวัติอีกครั้งสมัยกรุงธนบุรี เมื่อกองทัพพม่าจากทวายมาล้อมค่าย สมเด็จพระเจ้าตากสินจึงทรงยกทัพจากกรุงธนบุรีมาช่วยเหลือปราบปรามทัพพม่าไปได้
ล่องเรือเสร็จสรรพใกล้เย็นท้องเริ่มหิว ไม่ต้องกลัวไม่มีของกิน เพราะถึงจะไม่มีตลาดนัดสุดสัปดาห์ แต่บริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภออัมพวา ริมน้ำแม่กลอง มี ตลาดยามเย็น ตั้งร้านขายของอร่อยกันเป็นประจำทุกวัน แถมบรรยากาศสบายๆ ไม่ต้องแก่งแย่งกับใครให้พลุกพล่าน
หลังจากนั้นกลับเข้าที่พัก วันธรรมดาแบบนี้แหละเหมาะกับการ ล่องเรือชมหิ่งห้อย อย่างมาก เพราะตามปกติจะมีเรือออกเพียงวันละไม่กี่ลำ ไม่มีเสียงรบกวนวุ่นวาย หากพักโซนริมคลองอัมพวาสามารถติดต่อให้เรือมารับถึงหน้าที่พักได้เลย
รุ่งเช้าวันถัดมาตื่นมารอบริเวณริมคลองเพื่อใส่บาตร พระสงฆ์ส่วนใหญ่จะเดินเท้ามารับบาตร แต่ยังมีพระสงฆ์บางรูปพายเรือรับบาตร เป็นภาพงดงามของวิถีทางสายน้ำแห่งอัมพวา หากใครต้องการใส่บาตรพระพายเรือ แนะนำให้รออยู่บริเวณปลายคลองใกล้กับ วัดพระยาญาติ จะมีโอกาสพบเจอมากกว่ารออยู่บริเวณปากคลอง
ใช้เวลาพักผ่อน สัมผัสวิถีชาวคลองสบายๆ หลังจากเช็คเอาต์ก่อนกลับสามารถเดินไปเที่ยว อุทยาน ร.2 ชมหมู่เรือนไทย จัดแสดงศิลปโบราณวัตถุสมัยต้นรัตนโกสินทร์ พิพิธภัณฑ์ขนมไทย ซึ่งอยู่ภายในพื้นที่สีเขียวขจีร่มรื่น เหมาะกับการหามุมถ่ายรูปเก๋ๆ ริมแม่น้ำแม่กลองกันด้วย
แม้อาจจะไม่คึกคักเหมือนกับวันมีตลาด แต่ในความจริงการเที่ยวคลองอัมพวาในวันธรรมดานั้นกลับมีความพิเศษซ่อนอยู่ เป็นวันธรรมดาที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ